สามเหลี่ยมทองคำ ตั้งอยู่ห่างจากเชียงแสนไปทางทิศเหนือ 9 กิโลเมตร ตามถนนเลียบริมแม่น้ำโขง สบรวกเป็นบริเวณที่แม่น้ำโขง ซึ่งกั้นดินแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว มาพบกับแม่น้ำรวก ซึ่งกั้นดินแดนระหว่าง ประเทศไทยและประเทศพม่า จากจุดนี้ นักท่องเที่ยวจะมองเห็นฝั่งพม่าและลาวได้ถนัดชัดเจน สามเหลี่ยมทองคำ เป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะครั้งหนึ่ง เคยเป็นไร่ฝิ่นที่ใหญ่โตมาก เรียกว่าใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ แต่ปัจจุบันไม่มีไร่ฝิ่นที่ว่านี้อีกแล้ว คงเหลือแต่ทิวทัศน์ที่เงียบสงบ ของลำน้ำและเขตแดนของ 3 ประเทศเท่านั้นแต่ผู้คนก็ยังคงพากัน เดินทางมาสัมผัสกับตำนาน สามเหลี่ยมทองคำ โดยมีที่มาของชื่อ ว่าหลังจากที่พม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และลาวถูกฝรั่งเศสยึดครอง ก็เกิดการค้าขายสินค้าด้วยระบบและเปลี่ยนกันขึ้นโดย ทางฝั่งพม่านั้นจะมีผ้าแพร สินค้าจากจีน กระทะทองเหลือ และฝิ่นเป็นสินค้าที่นำมาแลกเปลี่ยนกับผ้าไหม ทองคำแผ่น และทองคำแท่งของ พ่อค้าฝั่งลาว ซึ่งพ่อค้าลาวจำเป็น ต้องล่องเรือตามลำน้ำโขงมาขึ้นที่บ้านป่าสัก เขตเมืองพงของ พม่าซึ่งตั้งอยู่เหนือบ้านสบรวกของไทย ปีหนึ่ง ๆ มีการแลกเปลี่ยนสินค้ากันประมาณ 4-5 ครั้ง ทำให้บ้านป่าสักกลาย เป็นบริเวณขายที่เฟื่องฟูมากของสมัยนั้น และเพราะการ และเปลี่ยนด้วยทองคำนี้เองจึงทำให้ชาวบ้านเรียกขานบริเวณนี้ กันจนติดปากว่า “สามเหลี่ยมทองคำ”โดยปกติ นักท่องเที่ยว จะ มาเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ และ มาทำเอกสาร ปัจจุบัน สามเหลี่ยมทองคำ เป็นเมืองเศรษฐกิจ ต้นๆๆ ของจังหวัด เชียงราย มา เชียงราย แล้ว ต้อง เดินทาง ไปสามเหลี่ยมทองคำ มี อาหาร มีปลา มีวัด มี สถานที่ท่องเที่ยว ให้ไหว้ กราบสักการะ เดินทาง สะดวก มาถึงเชียงแสน ง่าย ในการเดินทาง นักท่องเที่ยว ชาวไทย และ ต่างชาตินิยม มาลงเรือ ข้ามไปประเทศ เพื่อนบ้าน ได้ ดูสินค้า แปลก ต่าง ๆๆ มากมาย